รู้จัก “Friluftsliv” วิถีชีวิตของเด็กๆแสกนดิเนเวียน

“Friluftsliv” วิถีชีวิตที่ได้สำรวจและชื่นชมธรรมชาติ ของเด็กๆแสกนดิเนเวียน จากหนังสือ There’s no such thing as bad weather

คุณพ่อคุณแม่เคยอิจฉา Slow life ของชาวแสกนดิเนเวียนที่ใช้ชีวิตใจเย็นไปพร้อมกับธรรมชาติสวยๆมั้ยคะ วันนี้เซซองจะพามารู้จักวิถีชีวิตของชาวแสกนดิเนเวียนที่มี “ธรรมชาติเป็นแก่น” ไว้ยึดเหนี่ยว จนบางคนเลิกนับถือศาสนากันเลยทีเดียว

“Friluftsliv” หรือชีวิตกลางแจ้ง คือคำที่ใช้บรรยายถึงวัฒนธรรมและชีวิตที่วนเวียนอยู่กับการสำรวจและชื่นชมธรรมชาติของชาวแสกนดิเนเวียนที่ได้รับการปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสกีและเดินป่า ไปถึงการเก็บผลเบอร์รี่และตกปลา หรืออาจจะเป็นแค่การออกไปเดินเล่นชมธรรมชาติใกล้ๆบ้าน

ชีวิตของพวกเขาวนเวียนและไม่ห่างไกลธรรมชาติจน Friluftsliv ได้รับการนิยามว่าเป็น “กิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้ร่างกายเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและให้ได้ประสบการณ์ในธรรมชาติ โดยไม่มีความกดดันให้ไปถึงเส้นชัยหรือเป็นการแข่งขันแต่ประการใด”

ยิ่งไปกว่านั้น “การมีจิตสำนึก” คือสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมาก ทุกการกระทำอยู่บนพื้นฐานของการให้เกียรติกัน เราแทบจะไม่เห็นผู้คนทิ้งขยะหือทำลายข้าวของในพื้นที่ธรรมชาติเลย ความรัดกุมของกฏหมายก็เป็นส่วนสำคัญในการมีจิตสำนึกของพวกเขามากขึ้น อย่างที่สวีเดน มีกฏหมาย Allemansrätten คือการกำหนดสิทธิเข้าถึงของบุคคลทั่วไป โดยกฏนี้อนุญาตให้คนทั่วไปสามารถเดิน ขี่จักรยาน ขี่ม้า สกี เก็บเบอร์รี่ ในพื้นที่ส่วนบุคคลได้ ตราบใดที่ไม่รุกล้ำพื้นที่รอบๆบ้านพักส่วนบุคคลที่มีรั้วรอบขอบชิด และไม่ทำความเสียหายใดๆให้ผลผลิต ซึ่งต่างจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่สิทธิพื้นที่ส่วนบุคคลเป็นใหญ่ หากมีการรุกล้ำเข้ามาก็จะเกิดการฟ้องร้องและเป็นเรื่องเป็นราวกัน

เมื่อกฏหมายทำให้กิจกรรมพักผ่อนในธรรมชาติเป็นเรื่องที่ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ชาวแสกนดิเนเวียนจึงมองว่าการรับผิดชอบธรรมชาติด้วยกัน คือเรื่องที่สมควรทำไปโดยปริยาย หลายคนมีความคิดว่าธรรมชาติช่วยเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการเสื่อมถอยความเชื่อด้านศาสนาในสวีเดนด้วย สวีเดนเป็นประเทศที่ไม่อิงศาสนาใดเป็นอันดับต้นๆของโลก “ธรรมชาติกลายเป็นที่พึ่งหลักของเรา” พาดหัวข่าวใหญ่ในหนังสือพิมพ์สวีเดนกล่าวไว้

ในการสำรวจความคิดเห็นปี 2007 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามชาวสวีดิชมากถึงร้อยละ 98 ออกตัวว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองที่ต้องอนุรัก์ธรรมชาติ ถึงแม้จะต้องจำกัดการพัฒนาของมนุษย์ก็ตาม ตามมาด้วยชาวนอร์เวย์ และเดนมาร์กเป็นอันดับถัดๆมา จึงอาจกล่าวได้ว่าการที่เด็กๆเติบโตมาในสภาพสังคมแสกนดิเนเวีย จะทำให้พวกเขาคลุกคลีกับธรรมชาติ และมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและพลังงานอย่างแน่นอน

อ่านแล้วน่าทึ่งมากๆเลยใช่มั้ยคะ ที่กฏหมายและธรรมชาติที่สวยงามของบ้านเค้า สามารถจัดการให้ประชากรมีจิตสำนึกได้ขนาดนี้ คราวหน้าเซซองจะนำเรื่องราวน่าสนใจจากแถบแสกนดิเนเวียมาฝากกันอีกค่ะ